พระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว
พระอินทร์
หล่อจากแร่น้ำพี้แร่ศักดิ์สิทธิ์ของจ.อุตรดิตถ์
(หมดแล้ว)
กว้างวัดจากฐาน 5นิ้วครึ่ง สูงจากฐาน 11.2 นิ้ว
ประวัติพระอินทร์
พระอินทร์นั้นท่านมีหลายชื่อ เช่น ท้าวสักกะ ท้าวสหัสนัย ท้าวสุชัมบดี ท้าววาสพ ท้าวมฆวาน เป็นต้น แต่ชื่อพระอินทร์มีคนรู้จักมากว่าชื่ออื่น ท่านครอง ๒ ชั้นฟ้า คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ และสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพระอินทร์นั้นตัวเขียว เคยถามท่านผู้รู้ว่าทำไมพระอินทร์จึงตัวเขียว ได้รับคำอธิบายว่าที่มีสีเขียวนั้น เขียวด้วยแสงแห่งแก้วที่ชื่อว่าวชิระ ไม่ใช่เขียวในเนื้อในหนัง
อนึ่ง ในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้นสมบูรณ์ด้วยสมบัติอย่างมโหฬาร เช่น มีวิมานชื่อ เวชยันตปราสาท อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์มีแท่นทิพย์ ชื่อว่า บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ มีลักษณะพิเศษ
คือเวลาพระอินทร์ประทับนั่งก็จะยุบลง เวลาเสด็จลุกขึ้นก็จะฟูขึ้น มีสภาพอ่อนนุ่มนิ่ม แต่พอมีเหตุอะไรเกิดขึ้นแท่นทิพย์นี้ก็จะแข็งดุจศิลาขึ้นมาทันที ดังคำที่ว่า ทิพย์อาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา กระด้างดังศิลาประหลาดใจ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้วิเศษประจำชั้นดาวดึงษ์ มีชื่อว่า ปาริฉัตร หรือ ปาริชาติ ก็เรียก มีสระโบกขรณีชื่อ สุนันทา มีสวนสวรรค์ชื่อ จิตรลดา มีศาลาสำหรับฟังธรรม เรียกว่า เทวธรรมสภา มีเทวดาที่มีความสารถในเชิงช่างชื่อว่า วิษณุกรรมเทพบุตร และยังมีเทวดาที่สำคัญอีกองค์หนึ่ง คือ เอราวัณเทพบุตร ปรกติก็เป็นเทวดา แต่เมื่อพระอินทร์กับเทพผู้เป็นสหายจะประพาสอุทยานสวรรค์ เทวดาองค์นี้ก็จะแปลงร่างเป็นช้างชื่อว่า เอราวัณ พอกลับจากอุทยานสวรรค์ก็จะคืนร่างเป็นเทพบุตรตามเดิม
สำหรับมเหสีของพระอินทร์นั้นมี ๔ นางด้วยกันคือ นางสุธรรมา นางสุจิตรา นางสุนันทา และนางสุชาดา ก็แลในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้นล้วนแต่มีสิ่งสวยสดงดงามทั้งสิ้น รูปก็งาม เสียงก็ไพเราะ กลิ่นก็หอมหวนชวนอารมณ์ สมกับพระบาลีที่ว่า สุนฺทรานิ อคฺคานิ อตฺถาติ สคฺโค สถานที่ที่มีอารมณ์อันเลิศ เรียกว่า สวรรค์ อนึ่งสวรรค์นั้น สำหรับเป็นที่ต้อนรับเฉพาะคนทำความดีเท่านั้น ส่วนคนทำความชั่วอยู่ไม่ได้ ดังมีธรรมภาษิตรับรองเป็นหลักฐานว่า สุนฺทเรน กมฺเมน คมิตพฺโพ สคฺโค สถานที่ที่คนทำควาดีพึงไป เรียกว่า สวรรค์
ก็พระอินทร์พร้อมด้วยสหายได้ทำความดีอะไรเล่า จึงได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ทราบชีวิตเบื้องหลังของท่านเหล่านั้น จึงจะขอพาท่านลงไปยังแดนดินถิ่นมนุษย์ ณ บ้านอจลคาม แคล้นมคธ เพื่อไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ มฆมาณพ ท่านผู้นี้มีคุณธรรมสูง คือสามารถรักษาวัตตบทไว้ได้ถึง ๗ ประการ และรักษาไว้ได้ไม่ใช่ชั่วครั้งชั่วคราว เขารักษาไว้ได้ตลอดชีวิตทีเดียว ธรรม ๗ ประการนั้นคือ
๑. เลี้ยงมารดาบิดา
๒. เคารพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่
๓. มีวาจาไพเราะอ่อนหวาน
๔. ไม่พูดส่อเสียด
๕. ไม่ตระหนี่
๖. มีวาจาสัตย์
๗. ไม่โกรธ
เธอมีภรรยา ๔ คนด้วยกันคือ ๑.นางสุธรรมา ๒.นางสุจิตรา ๓.นางสุนันทา ๔. นางสุชาดา ขอให้ท่านสังเกตดูว่า ชื่อนางทั้ง ๔ นี้ ตรงกันทั้งภาคสวรรค์และภาคมนุษย์ นอกจากนี้ นายมฆมาณพยังเป็นนักพัฒนาชอบความสะอาด สวยงามมีระเบียบ ทั้งยังเที่ยวแนะนำชาวบ้านให้ช่วยทำความสะอาด อย่าเที่ยวทิ้งเที่ยวสาดให้อุจาดนัยตา และว่า ถ้าบ้านเมืองสะอาด คนในชาติก็อยู่เป็นสุข น่าชมความคิดของนายมฆมาณพอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเขียนสุภาษิตติดไว้ตามต้นไม้ ในที่สาธารณะซึ่งล้วนแต่เป็นคติสอนใจทั้งสิ้น เช่น เตือนคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายว่า ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ เตือนคนขับรถว่า ความคะนองคือความพินาศ ความประมาทคือความตาย ซึ่งล้วนแต่เป็นคติสอนใจทั้งสิ้น เนื่องจากท่านผู้นี้มีนิสัยเป็นนักเสียสละชอบความก้าวหน้ารักประเทศชาติศาสนาเป็นชีวิตจิตใจดังนั้น เขาจึงลงมือสร้างถนนเริ่มต้นจากบ้านอจลคามมุ่งสู่มคธรัฐ โดยมิได้รับสินจ้างรางวัลจากใคร ๆ ทั้งสิ้น เขาทำงานเพื่องาน ทำดีเพื่อความด
ต่อมาก็มีคนมาร่วมงานกับเขาด้วยรวมทั้งหมดเป็น ๓๓ คน ตอนนี้ก็บังเอิญเกิดมารมาผจญอันเนื่องมาจากความริษยาของนายอำเภอ ซึ่งเกรงว่าเขาจะทำงานเกินหน้า จึงแนะให้เขาเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นแทน เช่น ต้มเหล้าเถื่อน เป็นต้น เมื่อพวกเขาไม่ปฏิบัติตามก็โกรธ ไปทูลพระราชาโดยกล่าวหาว่าเขากับพรรคพวกเป็นกบฏถูกรับสั่งประหารชีวิตด้วยวิธีให้ช้างเหยียบ แต่ด้วยอำนาจเมตตาพวกเขาจึงปลอดภัยภายหลังความจริงทั้งหลายก็ปรากฏ จึงทำให้นายอำเภอถูกถอดยศ มฆมาณพได้เป็นนายอำเภอแทนพร้อมทั้งได้รับพระราชทานช้างเชือกนั้นด้วย นี่แหละเข้าตำราที่ท่านว่า นายมฆมาณพนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น นายอำเภอทำเข็ญ ก็วินาศสันติ
ด้วยหัวใจที่รักความก้าวหน้า รักชาติบ้านเมือง เขาจึงพร้อมใจกันสร้างศาลาริมทางขึ้นมาหลังหนึ่งสำหรับคนไปมาจะได้พักพาอาศัย ศาลาหลังนี้มีความสวยงามมาก เพราะได้นายช่างที่มีจิตเป็นกุศล แม้ช้างเชือกนั้นก็ได้พลีกำลังช่วยงานนี้มาโดยตลอดด้วยจิตยินดี ศาลาหลังนี้มีชื่อว่า ศาลาสุธรรมา เพราะความฉลาดของนางสุธรรมา ถึงแม้ว่าจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมในงานนี้ แต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบนางก็หาอุบายจนได้สร้างช่อฟ้าทั้งมีชื่อปรากฏด้วยว่า ศาลาสุธรรมา นอกจากนี้ นายมฆมาณพยังได้ปลูกต้นทองหลางเอาไว้ที่ใกล้กับศาลาหลังนั้นด้วย และนำแผ่นหินก้อนใหญ่มาวางไว้ที่โคนต้นทองหลางสำหรับคนไปมาจะได้อาศัยนั่งพัก
กล่าวถึงนางสุนันทา กับนางสุจิตรา ก็ไม่ยอมน้อยหน้านางสุธรรมาเหมือนกันจึงได้สร้างสระน้ำและส่วนดอกไม้ไว้ใกล้ ๆ กับศาลาหลังนั้นเช่นกัน ส่วนนางสุชาดาหาได้สร้างอะไรกับเขาไม่เพราะประมาทเข้าใจผิดคิดไปว่า ตัวมีรูปสวยเป็นภรรยาของนายมฆมาณพด้วย ยังแถมเกี่ยวกับเป็นเครือญาติกันอีกด้วย ดังนั้น เมื่อสามีทำบุญตัวเธอก็ต้องได้บุญด้วย นี่นับว่าเธอเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะบุญนั้นใครทำใครได้ เหมือนกับอาหารที่เรารับประทาน ใครรับประทานคนนั้นก็อิ่ม จะมาอิ่มแทนกันไม่ได้ ฉะนั้น ด้วยความเข้าใจผิดนางจึงไม่ประสงค์จะทำบุญอะไร ๆ ทั้งนั้น แม้สามีจะเคี่ยวเข็ญอย่างไรนางก็เฉยเมยไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น
ทีนี้เราจะได้ทราบกันว่าคนทำดีกับคนที่ไม่ทำความดีนั้นอนาคตจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นด้วยนายมฆมาณพผู้ซึ่งสร้งแต่ความดีมาโดยตลอด มีบำเพ็ญวัตบท ๗ ประการเป็นต้น เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นพระอินทร์อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ อานิสงส์ที่สร้างศาลาเป็นเหตุให้ได้เวชยันตปราสาท อานิสงส์ที่ปลูกต้นทองหลางเป็นเหตุให้ได้ต้นไม้ปาริชาติ อานิสงส์ที่วางแผ่นหินเอาไว้ที่โคนต้นทองหลางเป็นเหตุให้ได้แท่นทิพย์บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ส่วนนายช่างที่สร้างศาลาด้วยจิตเป็นกุศล ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรที่ชื่อว่าวิษณุกรรม สหายทั้ง ๓๒ คน ก็ขึ้นไปเกิดเป็นเทพบุตรโดยถ้วนทั่วกันและมีวิมานอยู่องค์ละหลัง ๆ ด้วยอานิสงส์ที่ได้ร่วมกันสร้างศาลา
เรื่องนี้มีข้อที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่สร้างอะไรที่รวมกันเป็นคณะ ครั้นเมื่อได้สวรรค์วิมานก็ได้กันคนละหลังโดยที่ไม่ต้องไปอยู่รวมกัน ซึ่งมีตัวอย่างดังที่กล่าวมานี้ สระโบกขรณีสวรรค์ก็เกิดขึ้นเป็นคู่บารมีของนางสุนันทา สวนสวรรค์ชื่อจิตรลดาก็เกิดขึ้นคู่บารมีของนางสุจิตรา
ส่วนนางสุชาดาหญิงผู้เลอโฉมหาได้ไปเกิดในสวรรค์เหมือนผู้อื่นไม่ กลับไปเกิดเป็นนางนกยาง ทั้งนี้ เพราะความหลงติดอยู่ในความสวยงามของตัวเอง เรื่องนี้ท่านทั้งหลายต้องระวัง อย่าไปหลงติดในสิ่งต่าง ๆ เพราะเดี่ยวจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอย่างนางสุชาดา หลักฐานอันเป็นพุทธภาษิตก็มีอยู่ว่า โมเหน ติรจฺฉานโยนิ ผู้ที่มีโมหะควาลุ่มหลง จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน
เมื่อพระอินทร์ได้สอดส่งทิพยเนตรตรวจดูสมบัติ ก็ปรากฏว่าบริบูรณ์ดีทุกอย่างหากขาดแต่นางแก้วสุชาดาซึ่งไปเกิดในกำเนิดนกยาง พระองค์จึงเสด็จลงไปประทานอุบายให้นางรักษาศีล ๕ และด้วยอานิสงส์ศีล ๕ ที่นางรักษาอย่างเคร่งครัดนี่เองผลสุดท้ายนางก็ได้ไปบังเกิดเป็นมเหสีของพระอินทร์สมความปรารถนา
ท่านทั้งหลาย การที่นายมฆมาณพได้บรรลึงความเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทพยดาทั้งหลายก็เพราะอาศัยอความไม่ประมาท ด้วยว่าบัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท แต่กลับติเตียนความประมาทในกาลทุกเมื่อ ซึ่งตรงกับพระบาลีพุทธภาษิตที่ได้ยกขึ้นตั้งไว้ข้างต้นนั้นแล้ว
ท่านสาธุชนทั้งหลาย เรื่องของพระอินทร์นับว่มีสาระตลอดทั้งเรื่อง ถ้าจะเปรียบก็เหมือนสิงโตน้ำตาลซึ่มีความหวานตลอดทั้งตัว ไม่ว่าจะแต่ที่หัวหางกลางตัวหวานทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับประโยชน์จากเรื่อนี้ จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้ใช้โยนิโสมนสิการ คือพิจารณาด้วยอุบายอันแยบคาย เห็นตัวอย่างไหนดีก็นำไปปฏิบัติ เห็นตัวอย่างไหนไม่ดีก็อย่านำไปปฏิบัติ อุปมาเหมือนกับรับประทานปลาเราก็เลือกรับประทานแต่เนื้อปลา ส่วนก้างปลาขี้ปลาเราก็ทิ้งไปเสีย การฟังเทศน์ด้วยวิธีนี้แหละที่น่ายกย่องว่าได้บุญมาก
สำหรับในเรื่องนี้ตัวอย่างที่ดีเด่นก็เห็นจะได้แก่นายมฆมาณพ ไม่ว่าจะเป็นในด้านครองเรือน การครองรัก เธอก็ครองกันมาด้วยความเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่มีภรรยาถึง ๔ คน ทั้งนี้ ก็เพราะต่างมีคุณธรรมประจำใจ รู้จักหน้าที่ของตัว ในด้านการปฏิบัติพัฒนาทั้งภายในบ้าน นอกบ้านและสาธารณะสถาน สนใจทำความสะอาดอยู่เป็นนิตย์ข้อนี้ชาวไทยควรถือเป็นตัวอย่าง ควรคิดไว้เสมอ ๆ ว่า บ้านเมือง จะสะอาดก็เพราะคนในชาติช่วยกันพัฒนา ว่าถึงน้ำใจก็ควรยกให้ช้างที่ช่วยเหลือนายช่างสร้างศาลา อานิสงส์ที่มีน้ำใจเป็นเหตุให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ มีชื่อว่าเอราวัณเทพบุตร ดูซิเป็นสัตว์เดียรัจฉานแท้ ๆ ยังมีน้ำใจ ก็ท่านเล่าเป็นมนุษย์จะไปยอมแพ้แก่ช้างกระนั้นหรือ ดังนั้น ท่านจักต้องฝึกฝนตนให้เป็นคนมีน้ำใจอยู่เสมอ
เมื่อสมัยที่กรุงเทพยังมีรถราง เด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นคนชราถือของพรุงพะรังขึ้นมาบนรถจึงลุกขึ้นให้ชายชรานั่ง เมื่อถึงเวลาลงจากรถเขาก็ช่วยหิ้วของตามส่งถึงบ้านชายชราซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตัวเขาเองก็อยู่บ้านในซอยใกล้ ๆ กันนั่นเอง และต่อมาเด็กหนุ่มผู้มีน้ำใจผู้นี้ก็เป็นบุตรบุญธรรมชองชายชรา และได้ครองสมบัติเป็นจำนวนมากในกาลต่อมา เพราะสองตายายไม่มีลูกหลานที่จะสืบตระกูล จากเรื่องทำนองนี้ทำให้นึกถึงสุภาษิตบทหนึ่งว่า น้ำบ่อน้ำคลองก็ยังเป็นรองน้ำใจ น้ำที่ไหน ๆ ก็สู้น้ำใจไม่ได้ โปรดจำไว้ว่า น้ำใจเป็นน้ำที่มีฤทธิ์
ตัวอย่างดี ๆ ในเรื่องนี้ยังมีอีกมาก ยกมาแสดงพอเป็นตัวอย่าง ที่นี้มากล่าวถึงนางสุชาดาบ้าง นางนี้แม้ในตอนต้นเธอจะหลงผิดไปบ้างตามวิสัยของปุถุชนที่ว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด บรรพชิตยังรู้เผลอ แต่ถึงกระนั้นในตอนสุดท้ายเธอยังกลับตัวได้ จึงนับว่าน่าสรรเสริญอยู่
ฉะนั้น ท่านที่ยังหลงทำอะไรผิด ๆ อยู่จงได้คิดว่า ยังไม่สายเกินไปในการกลับตัว จงถือคติที่ว่า ความผิดพลาดเป็นของมนุษย์ แต่มนุษย์ที่ดีต้องรู้จักกลับตัว
ท่านทั้งหลาย ยอดปรารถนาของมนุษย์เราอยู่ที่ความสุข แต่ความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาศัยการปฏิบัติธรรม อยู่เฉย ๆ ความสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้ เหมือนเสือนอนอ้าปากอยู่ เนื้อจะวิ่งเข้าปากเสือนั้นเหลือวิสัย เสือจะต้องไปจับเนื้อกินเอง ฉันใดฉันนั้น ความสุขที่จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาศัยการปฏิบัติของผู้นั้นเอง ด้วยเหตุนี้ เราจึงมาปฏิบัติธรรมกันเถิด แล้วความสุขที่เป็นยอดปรารถนาก็จะพลันสำเร็จสมประสงค์ทุกประการ ดังเทศนาที่ได้แสดงมา ด้วยประการฉะนี้.
(ที่มา: วิชาเทศนา, พระพุทธวรญาณ (มงคล วิโรจโน ป.ธ. ๕, ค.บ., พธ.ด.กิตติมศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร แสดง ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๔ (ภาคเช้า)
คาถาบูชาพระอินทร์
แบบที่ ๑
โอม ตราจาร อินทร มวิตาร มินทรัง หเว หเว สุหวัย สุรอินทรัม มัณยามิ ศักร ปรุหูต อินทรัม สวสิต โน มัฆวา ธาตวินทรัช โอม อินทรายะ นมัช
โอม ตราจาร อินทร มวิตาร มินทรัง หเว หเว สุหวัย สุรอินทรัม มัณยามิ ศักร ปรุหูต อินทรัม สวสิต โน มัฆวา ธาตวินทรัช โอม อินทรายะ นมัช
แบบที่ ๒
โอม นะโม มหาอินทรจักรโข อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ สะปะอิปิ อิติอรหัง มหาไตรโลกัง พุทธัง มหาเทวัง ประสิทธิเต
โอม นะโม มหาอินทรจักรโข อรหังพุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ สะปะอิปิ อิติอรหัง มหาไตรโลกัง พุทธัง มหาเทวัง ประสิทธิเต
แบบที่ ๓
โอม สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
ทุติยัมปิ สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
ตะติยัมปิ สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
โอม สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
ทุติยัมปิ สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
ตะติยัมปิ สักกะ เทวะวันทานัง สุขิตา มหาลาโภ
แบบที่ ๔
โอม พระอินทราราชาธิราชะ อุปาทะวะตายะ เอยยะรา
พาหานายะ ปุระพะทิสะ ฐิตายะ อาคัจฉันตุ กุญชะติ
ขิปปายะ วิปปะยันตุ สวาปะ สะวาหายะ สัพพะอุปาทะ
วนาสายะ สุขขะ วัทฒะโก โหตุ อายุวัทฒะนะ สุขะ พะลัง
อัมหากังรักปะตุ สวาหะ สวาหายะ
โอม พระอินทราราชาธิราชะ อุปาทะวะตายะ เอยยะรา
พาหานายะ ปุระพะทิสะ ฐิตายะ อาคัจฉันตุ กุญชะติ
ขิปปายะ วิปปะยันตุ สวาปะ สะวาหายะ สัพพะอุปาทะ
วนาสายะ สุขขะ วัทฒะโก โหตุ อายุวัทฒะนะ สุขะ พะลัง
อัมหากังรักปะตุ สวาหะ สวาหายะ
บูชาพระอินทร์ เพื่อขอให้ชีวิตราบรื่น เรียบร้อย ปราศจากทุกข์ภัยกล้ำกราย
บูชาพระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว ของร้านวรันณ์ธรนี้ สร้างจากมวลสาร 9 อย่าง ของขลังหายากมีให้บูชาที่ร้านวรันณ์ธร แห่งเดียวใน จ.อุตรดิตถ์
1. หินเพชรเงินทองนาค ความเชื่อให้โชคลาภร่ำรวยเงินทอง
2. ไม้พญางิ้วดำ ความเชื่อเด่นทางด้านมหาอุดคงกระพัน คลาดแคล้วโชคลาภเมตตามหานิยมป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ
3. ไม้กลายเป็นหิน ความเชื่อ มีตบะเดชะทางด้านอำนาจ แคล้วคลาด
ปลอดภัย ความเมตตา และโชคลาภ
4. เพชรหน้าทั่ง ความเชื่อให้โชคลาภเด่นทางค้าขายป้องกันภัยต่างๆ
5. แก้วโป่งข่าม ความเชื่อป้องกันภัยคุณไสย์มนต์ดำเปลี่ยนจากสิ่งร้ายกลายเป็นดี
6. แร่ดูดทรัพย์ ความเชื่อดูดโชคลาภทรัพย์สินเงินทองความร่ำรวยมาให้แก่ผู้ครอบครอง
7. ไหลดำไหลเขียว ความเชื่อพลิกจากร้ายกลายเป็นดีความเจริญมั่นคงก้าวหน้า
ดูดพิษแมลงได้ แก้ของร้อนเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
8. รังปลวกกลายเป็นหิน ความเชื่อให้คุณทางด้านสะสมทรัพย์สินเงินทองให้พอกพูนขึ้น
9. แร่น้ำพี้ ความเชื่อล้างอาถรรพ์ป้องกันภูตผีปีศาจมนต์ดำต่างๆ
ราคาบูชาพระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว
การันตีว่า วัตถุมงคลที่ร้านวรันณ์ธรสร้างท่านลูกค้าบูชาไปได้วัตถุมงคลที่ดีอย่างแน่นอน เพราะสร้างจากมวลสารของขลังหายาก มวลสารศักดิ์สิทธิ์9อย่าง รวบรวมจากทั่วประเทศ
สอบถามทางร้านวรันณ์ธร เพื่อเลือกพระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว
สอบถามทางร้านวรันณ์ธร เพื่อเลือกพระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว
ต้องการบูชาพระอินทร์ หน้าตัก 5 นิ้ว
สีใด โปรดระบุ คลิกที่นี่