พระสีวลี พระสิวลี เปิดบูชาพระสีวลีห้อยคอ
พระสิวลี
รุ่น กฤษฏาภินิหาร ชาตินี้ไม่มีจน พุทธาภิเษก4พ.ย.60 วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
พระสิวลีรุ่นชาตินี้ไม่มีจน ความเชื่อ ผู้ใดได้บูชาพระสีวลีเถระแล้ว จะได้รับโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา เจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สิน เงินทองไหลมาเทมาสมความมุ่งมาดปรารถนา มีกินมีใช้ไม่หมด ไม่ขาดแคลนทรัพย์ ไม่ขาดแคลนอาหาร เครื่องใช้ มีครบบริบูรณ์ ยิ่งบูชาพระสิวลีเดินด้วยแล้วย่อมมีเข้ามาไม่มีหมดมีมากกว่ามี มีไม่จน ด้านหลัง คาถา นะชาลิติ เป็นคาถา หัวใจพระฉิมพลี หรือพระสีวลี ผู้เป็นเลิศด้านโชคลาภ ทำให้คนเห็นคนรัก ใครเห็นใครชม มีเสน่ห์ มหานิยมวิเศษนัก ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม โภคทรัพย์ การทำมาค้าขายคล่อง ไปอยู่แห่งหนใดมีแต่ความอุดมสมบูรณ์เจริญรุ่งเรืองทรัพย์เงินทองกินอยู่ไม่ขาดแคลน
ราคาบูชาองค์ละ 299 บาท
ลดเหลือ 250 บาท
อัดกรอบพลาสติกกันน้ำ299 บาท
ด้านหน้า พระสิวลีเดิน ด้านหลัง คาถาหัวใจพระสีวลี สี่คำ คือ นะ ชา ลิ ติ
พระปั้มมวลสารแบบลงรัก สีขาวคือรักน้ำเกลี้ยง , สีน้ำตาลคือรักดำทำเก่า , สีดำคือรักดำทำเก่า
องค์พระบรรจุมวลสารมากถึง 70 เปอร์เซนต์ต่อองค์ เป็นพระรุ่นที่เน้นมวลสารที่ดีมากที่สุด อกพระบรรจุพระบรมธาตุรวมสันฐานบรรจุเพิ่มให้ฟรี ราคาบูชาต่อองค์ 299 บาท
พระสิวลียืนเดิน หลัง คาถานะ ชา ลี ติ
พระสิวลีแบบเลี่ยมกรอบ + ค่าเลี่ยมกรอบ 70 บาท
ข้อมูล คาถา การบูชา ประวัติวัตถุมงคลรุ่นนี้ เลื่อนดูล่างสุดของหน้านี้
------------------
แบบที่ 2 จี้พระสิวะลี
ราคาอันละ 159บาท
------------------
แจกฟรี
ผู้สั่งบูชาพระเครื่อง ซึ่งมีกว่า 32 พิมพ์ รุ่น พุทธาภิเษก 4 พ.ย.60 วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี พิมพ์ใดก็ได้ ทุก 2 องค์ จะได้รับฟรี หลวงปู่ทวด ทรงพญานาคแร่เหล็กน้ำพี้ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ฟรี1องค์ เลือกที่นี่มีวัตถุมงคลพิมพ์อะไรบ้าง
ดูพระรุ่นนี้ทั้งหมดทุกพิมพ์ กดดูที่นี่ >>> https://utdid.com/amulet/0001081.html
หลวงปู่ทวดทรงพญานาค
------------------
พุทธาภิเษก 4 พ.ย.60
วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
ร้านวรันณ์ธร จ.อุตรดิตถ์ เป็นเจ้าภาพ ในงานพุทธาภิเษก
ภาพล่างสุด เจ้าของร้านวรันณ์ธร และญาติเจ้าของร้าน
------------------
มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นมวลสาร
มวลสารที่ใช้สร้างองค์พระ องค์เทพ บรรจุในองค์พระองค์เทพ
1. พระบรมสารีริกธาตุ รวมสันฐาน (บรรจุไว้ที่อกพระ และอกเทพ)
มวลสารที่ใช้สร้างพระผง เป็นมวลสารเน้นด้านพุทธคุณที่ดีที่สุด
มวลสารหินพระธาตุ (จำนวนมวลสาร 360 ก.ก.)
เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำหินพระธาตุทุกถ้ำมาบดเป็น มวลสารมากที่สุด (จำนวนมวลสาร 360 ก.ก.) หินพระธาตุ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า (เขาสามร้อยยอด) ความเชื่อตามสีของหินพระธาตุ...คตหิน หรือไข่ในหินทุกสี หรือที่นิยมเรียกว่าหินพระธาตุนั้นจะเป็นชั้นๆ เมื่อผ่าออกภายในจะมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน คล้ายกับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ มีอิทธฤทธิ์พลังฤทธิ์ โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมทางศาสนา คดหินสามร้อยยอดเป็นหินที่สะสมพลังงานธรรมชาติ จากพระอาทิตย์ พระจันทร์ ทะเล ขุนเขา และฟ้า ดิน นานนับล้านปีๆ และช่วยให้ผู้สักการะบูชาได้รับคุณประโยชน์ต่างๆ ตามลักษณะสีของคดฝังอยู่ในหินดังนี้
1) หินพระธาตุออกวรรณะสีแดง
มีพลังพิเศษทางด้านเสริมสร้างอำนาจบารมี ความเจริญรุ่งเรือง ทางเดช ทางฤทธิ์ มหาอำนาจ คุ้มครองผองภัย เป็นหินที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีบริวาร มีศรี มีอำนาจ จะมีเดชา นุภาพ ไปที่ไหนใครก็ย่ำเกรง สีแดงของหิน ย่อมหมายถึงสรรพมงคล ทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เหมาะสำหรับ นายทหาร ตำรวจ ผู้บริหาร ผู้นำต่างๆ เจ้าของธุรกิจ ฯ
2) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำผึ้ง
มีพลังพิเศษทางด้านความคุ้มครองสูง ความเมตตาพรหมวิหาร ร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่รักใคร่ ของคนทั่วไป ความโดดเด่นอยู่ที่พลังอำนาจในการสร้างความมั่นคงให้กับจิตใจ สร้างความมั่นคงให้กับ ธุรกิจการงานของคุณ เหมาะกับเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย มีไว้หนุนกิจการไม่ให้สั่นคอน
3) หินพระธาตุออกวรรณะสีขาว
เป็นหินพระธาตุที่มีบารมีธรรมสูงส่งมาก ให้พลังด้านบวกสูง ให้จิตสงบ ร่มเย็นเป็นสุข เย็นใจ มีความเจริญในธรรม มีความก้าวหน้าในสมาธิภาวนา มีพลังแห่งความเมตตาสูง ความพิเศษอยู่ที่พลังบารมีธรรมในตัวหิน ทำให้ผู้ที่มีหินสีขาวไว้บูชา เกิดความเย็นใจ ใจเป็นสมาธิได้เร็ว เจริญเมตตาพรหมวิหารได้ดี เหมาะแก่ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ชอบสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ
4) หินพระธาตุออกวรรณะสีดำ
ถือว่าเป็นหินพระธาตุที่มีเหล็กไหล(ละอองเหล็กไหล)เป็นส่วนประกอบอยู่ ดูเข้มขลัง มีพลังวิเศษทางด้านคุ้มครอง คงกะพัน เป็นมหาอุต และยังช่วยในเรื่องบำบัดโรคภัย ไข้เจ็บได้ดี ป้องกันคุณไสยต่างๆได้ดีมากๆ ใครมีไว้นับว่าเป็นโชควาสนา บารมีของผู้นั้น
5) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำตาล
เป็นหินที่ให้พลังอำนาจความเชื่อมั่น ทำให้สุขุมรอบคอบ มีความกล้าหาญภายในจิตใจ กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง เสริมสร้างทางด้านสุขภาพได้ดี เพราะมีพลังในการบำบัดสูง เหมาะสำหรับ นักแสดง นักพูด ผู้ทีใช้วาทะเป็นประจำ ผู้ขายของ แม่ค้าและผู้ที่เจ็บป่วยบ่อยๆ
บทความนี้คัดลอกจากหนังสือธรรมปกิณกะ เล่ม 1 ที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของพระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
ข้อมูลหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดเพิ่มเติม มีให้บูชาด้วย กดดูที่นี่ https://utdid.com/amulet/0000993.html
หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดทุกถ้ำ ใช้มวลสารหินพระธาตุทุกถ้ำเขาสามร้อยยอดมากถึง 360 กิโลกรัม จัดหามาได้ทุกถ้ำ มากถึง 19 ถ้ำครบหินพระธาตุ มีพลังมากพุทธคุณครบทุกด้าน 60 เปอร์เซนต์ในองค์พระเป็นหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 1. ถ้ำมะทราง 2. ถ้ำโลหิต 3.ถ้ำจุฬามณี 4. ถ้ำสาริกา
ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 5.ถ้ำพระโมคคัลลานะ 6.ถ้ำแม่ย่า 7. ถ้ำหินเหล็กไฟ 8.ถ้ำเศรษฐี
ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 9. ถ้ำฤาษี 10.ถ้ำแก้ว 11.ถ้ำขุมทรัพย์ 12.ถ้ำสามสี
ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 13. ถ้ำขาว 14. ถ้ำวิว 15. ถ้ำทิดหมาน 16.ถ้ำเขาพระ
ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 17.ถ้ำพุน้อย 18. ถ้ำมังกร 19. ถ้ำลานเท
หินพระธาตุแบบหน้าเต็มถ้ำต่างๆ ทุกถ้ำ นำมาบดเป็นมวลสารสร้างพระ เทพ ต่างๆในรุ่นนี้ทั้งหมดแล้ว มากถึง 360 กก. องค์พระจึงอัดแน่ไปด้วยมวลสารหินพระธาตุต่างๆทุกถ้ำมีพลังมากที่สุด
3. พระอรหันต์ธาตุ (หายากมากกว่าจะได้มาต้องรวบรวมครบใช้เวลานานมาก)
48 พระอรหันต์ (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
พระอรหันตธาตุ พระอนาคาระกัสสปะ พระอรหันต พระสาวกธาตุสมัยพุทธกาลและสมัยโบราณ ตามตำราพระธาตุของโบราณ ได้กล่าวถึงลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ผู้ซึ่งทรงขันธ์อยู่ในสมัยพุทธกาล และหลังพุทธปรินิพพานไม่นาน มีระบุลักษณะของพระธาตุพระอรหันต์เหล่านี้ไว้ ๔๗ องค์และ ในอรรถกถา ระบุลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลไว้อีก ๓ องค์ ซึ่งซ้ำกับในตำราพระธาตุของโบราณ ๒ องค์ รวมปรากฏลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ทั้งสิ้น ๔๘ องค์ ได้แก่
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
1.พระสารีบุตร 2.พระโมคคัลลานะ 3. พระอานนท์ 4. พระสิวลี 5. พระมหากัจจายนะ
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
6.พระอัญญาโกณฑัญญะ 7. พระองคุลีมาล 8.พระอนุรุทธะ 9.พระควัมปติ 10.พระสันตติมหาอำมาตย์
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
11.พระภัททิยะ 12.พระอุทายี 13.พระกาฬุทายี 14.พระปุณณะ 15.พระสัปปทาสะ (พระสัมปฑัญญะ)
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
16. พระมหากัปปินะ (พระมหากปีนะ) 17. พระสภิยะ(พระยังคิกะ) 18.พระสุมนะ 19.พระกังขาเรวัตตะ 20.พระอุตตระ
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
21.พระคิรินันทะ(พระคีรีมานันทะ) 22.พระโสปากะ(พระสปากะ) 23.พระวิมะละ 24.พระอุคคะ(พระอุคคาเรวะ) 25.พระปูติคัตตติสสะ(พระโลหนามะ)
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
26.พระสุคันธะ(พระคันธทายี) 27.พระบิณโฑลภารทวาชะ(พระปิณฑปาติยะ) 28.พระกุมารกัสสปะ 29.พระภัคคุ(พระภัทธคู) 30.พระอัตตทัตตะ(พระโคทะทัตตะ)
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
31.พระกิมพิละ(พระกิมิละ) 32.พระวังคิสะ 33.พระโชติกะ(พระโชติยะ) 34.พระกุณฑธานะ(พระกุณฑละติสสะ) 35.พระพักกุละ
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
36.พระพาหิยทารุจีริยะ 37.พระอุปคุต 38.พระอุปนันทสักยบุตร 39.พระนาคะสมาละ(พระจุลนาคะ) 40.พระโคธิกะ
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
41.พระวัลลิยะ(พระเวยยะกัปปะ) 42.พระโมฬิยวาหะ 43.พระเวณุหาสะ 44.พระอนาคาระกัสสปะ 45.พระมาลียเถระ
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
46.พระพิมพาเถรี 47.พระอุตตราเถรี 48.พระอุบลวรรณาเถรี
4. พระธาตุพุทธนฤมิตร (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
พระโลหิตธาตุ (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
โลหิตธาตุพระโมคคัลลานเถระ : เป็นพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์ พระโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย พระมหาโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย (ทุติยสาวก) เลิศกว่าผู้อื่นในทางฤทธิ์ ดูรายละเอียดพระโลหิตธาตุ กด link นี้ https://utdid.com/amulet/0001005.html
ปฐวีธาตุ (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
ความเชื่ออภินิหารและประสบการณ์ผู้บูชานับไม่ถ้วนทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอดภัย โชคลาภ เมตตามหานิยม นำไปแช่น้ำมันแก้คุณไสย์มนต์ดำล้างอาถรรพ์ได้ และสามารถเพิ่มพลังสัมผัสไอในตัวผู้บูชาได้มากที่สุด ดูรายละเอียดปฐวีธาตุ กด link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000994.html
เหล็กไหล 7 สี (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)
ไหลเจ็ดสี ความเชื่อ เป็นเหล็กไหลชั้นยอดในชุดเหล็กไหลและเป็นเหล็กไหลที่หาพบได้ยากมาก ๆ มีอิทธ์ ฤทธิ์ คงกระพันชาตรี กันภูตผีปีศาจได้ดีที่สุด และสร้างภาพลวงตา เหล็กไหล7สีนิยมบูชาป้องกันภูติผีปีศาจ แก้ปีชง แช่น้ำมนต์แก้คุณไสย์ ลดวิบากกรรม และป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็น และมองไม่เห็น ดูรายละเอียดเหล็กไหล 7 สี กด link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000968.html
เหล็กไหลนาคราช (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
แร่เหล็กไหลภูควายเงิน (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
เหล็กไหลเพลิง (จำนวนมวลสาร 7 ก.ก.)
เหล็กไหลฤาษี (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
แร่เหล็กไหลฤาษีที่ ได้มาจากพระฤาษีบำเพ็ญตนในถ้ำแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ชาวบ้านไปพบพระฤาษี จึงแบ่งมาให้ทำมวลสาร
ผงเหล็กไหลนาคราช (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
ผงเหล็กไหลนาคราชแม่น้ำโขง ความเชื่อ เป็นแร่ธาตุที่หาได้ยากและมีอำนาจมหาศาลพุทธคุณหรือคุณวิเศษมีอยู่ในตัวทั้งในด้านคุณเสน่ห์และเมตตามหานิยมความแคล้วคลาดปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโชคลาภร่ำรวยขึ้นทันตาแบบไม่น่าเชื่อจึงเป็นที่ต้องการของผู้ได้พบเพราะมีความเชื่อว่าเป็นแร่ที่มีอาถรรพ์อยู่ได้เฉพาะผู้ที่ทีบุญบารมีมาแต่ อดีตชาติเท่านั้น ผงเหล็กไหลนาคราช ดูรายละเอียดที่ link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000998.html
ผงแผ่นเหล็กน้ำพี้ (จำนวนมวลสาร 15 ก.ก.)
ความเชื่อ ส่วนเหล็กน้ำพี้มีความเชื่อกันอยู่แล้วว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์จากธรรมชาติ เช่น ล้างอาถรรพ์ ล้างสิ่งชั่วร้ายที่อยู่อาศัย หรือล้างสิ่งชั่วร้ายในบริเวณนั้น เอาไว้ป้องกันตัว ป้องกันเวทย์มนต์ดำ มนต์ร้าย ปัดเป่าเคราะห์ภัย เสริมบารมีผู้มีไว้ครอบครอง ล้างมนต์ดำ ไล่ผีร้าย ปีศาจ ป้องกันอาวุธต่างๆให้ผู้สวมใส่ปลอดภัย กดดูเหล็กน้ำพี้ link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000272.html
ดอกไม้กลายเป็นหิน ดอกไม้หิน (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
ไม้ไผ่ตัน ไม้ไผ่มหาอุด (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
ไม้ไผ่ตัน ความเชื่อ ของอาถรรพ์จากธรรมชาติ ของหายากไม่สามารถหาได้ทั่วไป ไม้ไผ่ตัน หรือไม้ไผ่มหาอุด เป็นไม้ไผ่ตลอดทั้งลำที่ตันตั้งแต่ต้นตลอดหัวจรดราก เกจิอาจารย์นิยมลงคาถาอักขระเลขยันต์ต่างๆ จะเป็นไม้เท้าไม้ไผ่ตัน ตะกรุดไม้ไผ่ตัน ตะกรุดคาดเอว พระเกจิอาจาย์ต่างๆมีความเชื่อว่าไม้ไผ่ตันมีอานุภาพเป็นอเนกประการ ทั้งมหาอุด เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ป้องกันไฟ เป็นของดีหายากอย่างหนึ่งในธรรมชาติที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก กดดูไม้ไผ่ตัน link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000980.html
ชันโรง (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
ยาปู่ฤาษี 108 (จำนวนมวลสาร 5 ก้อน )
ยาวิเศษที่พระฤาษีที่บำเพ็ญตบะ อยู่ในป่าแถบชายแดนไทยลาวมอบให้เป็นยาวิเศษที่ใช้สมุนไพรป่า และการบริกรรมคาถาของพระฤาษีปลุกเสกลงไป แม่ชีขอมาให้ทางร้านวรันณ์ธร นำไปทำเป็นมวลสาร
หมากไม้มณีโคตร (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
แห่งเดียวในโลก จากประเทศลาว
เบี้ยแก้โบราณล้านปี (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
เบี้ยหอยกลายเป็นหิน ประเทศลาว
ตาข่ายพันชั้น (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
เขตชายแดนลาวเวียดนาม
เพชรหน้าทั่ง (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
ผงในกะลาตาเดียว (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
พลอย นิล หยก อเมทิส (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
กาฝากไม้คูณ กาฝากไม้ขนุน กาฝากไม้สัก กาฝากไม้มะยม
(จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
แร่ดูดทรัพย์ (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
ยาผงฤาษีผาแท่น ยากลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
คต ขมิ้น ข่า ขิง กลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 4 ก.ก.)
ข้าวสารหินดำ ข้าวสารหินขาว (จำนวนมวลสาร 1 ก.ก.)
แร่มะขาม เม็ดจิ๋ว และแร่มะขามเม็ดใหญ่ (จำนวนมวลสาร 7 ก.ก.)
กะลามะพร้าว 1ตา 3ตา กะลาตาเสือ (จำนวนมวลสาร 20 ลูก )
พระเจ้า 5 พระองค์ (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
สเก็ตดาว (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
ไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
น้ำตา พระศิวะ เมล็ดรุทรักษะ (จำนวนมวลสาร 500 ผล )
แก้วขนเหล็ก (จำนวนมวลสาร 20ก.ก.)
แก้วโป่งข่าม (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
รังปลวก กลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
ไหลน้ำพี้ ไหลดำ ไหลเขียว ไหลฟ้า ไหลม่วง (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)
ไม้กลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)
ไม้มงคล 9 อย่าง (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
ผงว่าน 108 ชนิด (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
ด้านเมตตา คงกระพัน ป้องกันตัว โชคลาภ 108ชนิด
รายชื่อว่าน108 ที่ใช้ทำมวลสารแบบบดแล้ว
1.ไก่แดง ให้ผลทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมชั้นยอด
2.มหาลาภ ให้ผลทางโชคลาภเป็นสิริมงคลดีนัก
3.สี่ทิศ ให้ผลทางโชคลาภทำการสิ่งใดจะประสบความสำเร็จทุกประการ
4.เทพประชุมพร ว่านทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ช่วยให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
5.ว่านสบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ เช่น พระผงน้ำมัน วัดชนะสงคราม
6.ขมิ้นขาว เด่นทางด้านเมตตา
7.นางคำ คุณวิเศษทางด้านเสน่ห์มหานิยม ใช้ได้นานาประการ
8.สาวหลง ว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด
9.ทิพยเตร เด่นเรื่องเมตตามหานิยม
10.มหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่
11.ดินสอฤาษี สรรพคุณทางด้านมหานิยมยังอยู่ในระดับเยี่ยม
12.ไพลดำ แคล้วคลาดปลอดภัย
13.ว่านธรรมรักษา เป็นว่านสิริมงคล โน้มน้าวให้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีลธรรม ป้งอกันภัยพิบัติ
14.ว่านนางกวัก เด่นทางการค้าขายช่วยกวักเงินกวักทอง
15.กุมารทอง ให้ผลทางโชคลาภ
16.พะตะบะ กันอัปมงคลต่างๆแคล้วคลาดปลอดภัย
17.ทรหด เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด
18.กระแจะจันทร์ ด้านเมตตามหาเสน่ห์
19.เปราะหอม เป็นว่านทางเสน่ห์มหานิยมทางชู้สาว และช่วยให้ค้าขายดี
20.ไก่ขัน ใช้ในทางเสน่ห์เลห์กลดีหนักหนา
21.เพชรน้อย เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด
22.เพชรน้อยแดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด
23.รวยล้นฟ้า เป็นว่านทางโชลาภ
24.นางพญาหงส์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจ
25.มหาโชค มีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง
26.กลิ้งกลางดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด
27.พระฉิม เป็นมงคล เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายทำให้แคล้วคลาด
28.หอมดำ จัดเป็นว่าน 108 ที่ใช้ในการผสมสร้างพระผงคงกระพันชาตรี อีกทั้งยังมีเมตตามหานิยมใคร
29.แม่ทองใบ มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข
30.ไชยมงคล ความเป็นมงคล เป็นว่านทรงอำนาจช่วยคุ้มครองป้องกันภัย
31.สลักไกร เสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรีอีกด้วย
32.สบู่หยวก เสน่ห์เมตตามหานิยม
33.เศรษฐีนางกวัก ช่วยกวักทรัพย์ กวักลาภ กวักผู้คน ลูกค้าให้ไปมาหาสู่มิได้ขาด
34.พญาลิ้นงู แคล้วคลาด
35.มหาบัว เป็นว่านสิริมงคลชั้นสูงต้นหนึ่ง
36.ว่านคุ้มรจนา มีอานุภาพคุ้มครองปกป้องเคหสถาน บ้านเรือนให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
37.เทพรำลึก เสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นยอด
38.เงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถานบ้านเรือน
39.พญาว่าน แคล้วคลาด
40.ขมิ้นขาวปัดตลอด โชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง
41.นะหน้าทอง ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ให้ผลดีางการค้า
42.มหาจักรพรรดิ เหมือนมีกำแพงแก้วป้องกันภัยบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองเป็นเนืองนิตย์
43.หนุมานยกทัพ เป็นเมตตามหานิยมและกันทางคุณไสยาศาสตร์
44.หอมแดง จัดเป็นว่าน 108 ชนิดที่ใช้ในการผสมเพื่อสร้างพระผงในสมัยก่อน
45.เศรษฐีเรือนนอก อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง
46.ว่านมเหศวร เชื่อว่ามีเทวดารักษา เป็นว่านทางเมตตามหานิยมจะมีแต่คนรัก
47.ว่านเทพรำเพย เป็นมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม เจรจาค้าขายดี
48.แสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัย
49.ขุนแผนสะกดทัพ อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม
50.เศรษฐีน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ
51.ว่านมหามงคล เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เสริมบารมี
52.เฒ่าหนังแห้ง คงกระพันแคล้วคลาด
53.ไก่กุ๊ก อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม
54.เสน่ห์จันทร์ดำ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น
55.เสน่ห์จันทร์เขียว จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น
56.ว่านจังงัง เป็นเมตตามหานิยม เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย อำนาจของว่านจะทำให้ศัตรูเกิดจังงัง
57.เสน่ห์จันทร์แดง จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น
58.กวักนางพญามหาเศรษฐี อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล
59.กวักนางพญาใหญ่ อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล
60.กวักพุทธเจ้าหลวง อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล
61.ว่านเหล็กไหล เด่นทางคงกระพันแคล้วคลาด
62.พัดแม่ชี อานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย
63.นางคุ้ม คุ้มกันภยันตรายต่างๆ
64.มหาปราบ ดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ
65.กำบังภัย สามารถใช้ป้องกันภัยจากคุณไสย ป้องกันอันตราย ที่จะเข้ามากล้ำกราย
66.ขอทอง เด่นเรื่อง เมตตา มหานิยม
67.หนุมานนั่งแท่น ทางคงกระพันชาตรี
68.ไก่ดำ อำนาจและบารมี อีกทั้งให้คุณทางด้านการค้าขาย
69.เศรษฐีก้านทอง สรรพคุณคือใช้เป็นเมตตามหานิยมเรียกเงินทอง
70.เทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคล
71.เสน่หา เป็นว่านมงคลมหานิยม
72.เต่านำโชค เป็นว่านทางเมตตา
73.นางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง
74.กล่อมนางนอน ว่านที่มากด้วยเมตตามหานิยม มีอานุภาพสามารถทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มได้
75.ขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม
76.เทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น
77.ว่านเอ็นเหลือง เด่นทางคงกระพันและแคล้วคลาด
78.จูงนาง เป็นว่านทางด้านเสนห์ เมตตามหานิยม
79.นกคุ้ม เป็นว่านที่มีสรรพคุณพิเศษในการป้องกันอัคคีภัยและคุ้มครองสิ่งของในบ้านเรือนให้
80.ว่านเสน่ห์จันทร์ทอง เด่นทางเสน่ห์และช่วยให้ค้าขายดี
81.เถาว์วัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม
82.มหากวัก อานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า
83.พุทธกวัก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า
84.ว่านพญาปัจเวก เด่นทางด้านเสริมบารมี
85.อึ่ง เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล
86.พระเจ้า5พระองค์ ในทางแคล้วคลาดอันตรายอุบัติเหตุต่างๆ
87.ธรณีสาร ความเป็นมงคลอานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้า
88.สิบแสน เป็นว่านทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ
89.ว่านพระนารายณ์ ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภ
90.เสน่ห์ขุนแผน เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง
91.เศรษฐีพญาบดินทร์ ทางเมตตามหานิยมสูงทั้งนำโชค
92.กวักทองคำ ว่านสิริมงคล ว่านแห่งโชคลาภ
93.สิงหโมรา ใช้ในทางเมตตามหานิยม เด่นทางด้านอำนาจ
94.สาลิกา มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
95.ทองคำ ใช้ในทางโชคลาภเงินทอง
96.ช้างผสมโขลง เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม
97.พญาหอกหล่อ เป็นว่านแคล้วคลาด
98.มหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคลกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ
99.ไพลปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง
100.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูงให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร
101.ว่านนเรศวร เป็นว่านที่ทรงอานุภาพ ด้านมหาอำนาจ ตบะเดชะ เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู หมู่มาร และ คุ้มครองปกป้องเป็นเลิศ
102.กวักเงินกวักทอง ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภเงินทอง
103.เพชรกลับ เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย
104.วาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข
105.เศรษฐีขอดทรัพย์ ใช้ในทางลาภเป็นเมตตามหานิยม
106.ว่านทองคำ ใช้ในทางโชคลาภเงินทอง
107.ว่านรวยล้นฟ้า เป็นว่าแห่งโชคลาภ มีเงินทองใช้ไม่มีวันหมด
108.ว่านวาสนาทางลายเด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความอุดมสมบูรณ์พูนสุข
การบดมวลสาร ผสมมวลสาร ทางร้านวรันณ์ธร จะพยายามทำเองทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้มวลสารรั่วไหล จึงการันตีได้ว่าท่านผู้สนใจบูชาวัตถุมงคลของร้านจะได้วัตถุมงคลที่ดี แท้ และได้มวลสารเต็มๆองค์
เครื่องตีบดมวลสาร
เครื่องผสมมวลสารเล็ก และเครื่องผสมมวลสารใหญ่
มวลสารที่ถูกบด และผสม แล้ว
มวลสารเสร็จแล้ว นำไปเจริญพุทธมนต์เข้าพิธีงานกฐิน 3 วัด ซึ่งร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ และประธานงานกฐินดังนี้
นำมวลสารที่บดเรียบร้อยทั้งหมดแล้วไปเข้าพิธีพุทธมนต์กฐิน
นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 1 วัดหนองคันธมาศ วันที่ 30 ตุลาคม 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี นำโดยคุณประสิทธิ์ มีมา ผู้จัดการโรงหล่อพระ
พระอาจารย์สุข เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง ของร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน
นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 2 วัดแนวคีรี วันที่ 6 พฤศจิกายน 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี นำโดย คุณนันท์นภัส ณวรรกร ผู้จัดการร้าน
พระอาจารย์ตี๋ เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง ของร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน
นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 3 วัดม่อนหินขาว วันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี นำโดย คุณชยุต ณัฏฐ์รำ เจ้าของกิจการ
พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทองร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน
มวลสารที่ผ่านพิธีพุทธมนต์ งานกฐิน มาครบ 3 วัดแล้ว
ทางร้านวรันณ์ธร นำมวลสารปั้มพระตามการวางฤกษ์ยาม โดยคุณชยุต ณัฏฐ์รำ เป็นผู้วางฤกษ์ทั้งหมด มีความรู้ด้านโหราศาสตร์
การปั้มพระผง
------------------
อยากมีพระดีๆสักองค์ไว้บูชาไหม
พระดีใน คือมวลสารดี หายากรวบรวมจากทั่วประเทศ และต่างประเทศ และมวลสารบรรจุไว้เกือบเต็มองค์มากถึง 70 เปอร์เซนต์ต่อองค์ ซึ่งพระส่วนใหญ่น้อยมากที่จะบรรจุมวลสารเต็มๆองค์แบบนี้
พระดีนอก คือพุทธาภิเษกเกจิพลังจิต คาถาอาคม สูงระดับประเทศไทย
ผู้สร้าง สร้างด้วยความซื่อสัตย์ ต้องการให้ผู้บูชาได้พระดีจริง มวลสารจริง มวลสารถึง ศักดิ์สิทธิ์จริง และการปลุกเสกดีจริง ผู้สร้าง สร้างออกมาจากใจถึงมือผู้บูชาทุกคน
------------------
สนใจสั่งทางไลน์ไอดี @line55 (มี@ด้วย)
หรือคลิกสั่งทางไลน์ ที่นี่ >>> http://line.me/ti/p/%40line55
สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยไม่ต้องลงทุนสอบถามได้ทันที
หรือโทรตามเบอร์โทรหน้าเว็บนี้ได้ทุกเบอร์
ดูโปรโมชั่นสั่งวัตถุมงคลได้ที่ คลิกที่นี่
------------------
เคล็ดลับวิธีการบูชาพระสิวลี
ต้องเริ่มจากการหมั่นบริจาคทานในที่ๆ ยากลำบาก คือ หัวใจของการบูชาพระสิวลีให้ได้ผลดี เพราะในอดีตทุก ๆ ชาติที่ผ่านมา พระสิวลีท่านจะทำบุญด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยม ทำบุญด้วยศรัทธาเต็มร้อย แม้ว่าของที่ทำบุญจะราคาไม่แพง แต่ก็เป็นการถวายที่ทรงคุณค่า เพราะเป็นการให้ในสิ่งที่ผู้รับต้องการ ดุจการได้น้ำในทะเลทราย ดุจการได้อาหารในยามหิว
ดังนั้นผู้ที่ต้องการที่จะให้พระสิวลีท่านช่วยควรจะบริจาคทาน ให้สิ่งของในผู้ยากไร้มากๆ ท่านจะได้อานิสงส์บุญมาก และต้องอุทิศบุญนั้นส่งไปให้พระสิวลีทุกครั้ง เป็นการเปิดบุญและเชื่อมบุญกับท่าน เพื่อให้ท่านรู้จักเรา และรับรู้ความต้องการของเราได้
การบูชาพระสีวลีนั้น ให้บูชาด้วย
น้ำผึ้ง ผลไม้สด ดอกไม้ขาว หรือ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือดอกบัวทุกชนิด อย่างละ 3 ดอก 5 ดอก หรือ 7 ดอก ก็ได้
น้ำสะอาด 1 แก้ว โดยลอยดอกมะลิไว้บนน้ำ
แล้วจุดธูป 3 ดอก เทียนบูชา 1 เล่ม
เคล็ดโบราณนั้นกล่าวไว้ว่า การถวายผลไม้สด และน้ำผึ้งควรถวายในวันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์ควรถวายอาหารจากทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว แล้วอธิษฐานจิตขอให้โชคสำเร็จ สมหวัง และเมื่อท่านได้โชคได้ลาภสมดังหวังแล้ว จะต้องทำบุญเลี้ยง หรือถวายสังฆทานเพื่อเป็นการต่อโชคลาภให้มาไม่ขาดสาย
การสวดพระคาถาขอลาภพระสีวลี ต้องอยู่ในสมาธิที่สงบแน่วแน่ จิตไม่ส่ายไปมา ไม่คิดถึงในเรื่องอื่น ตามองที่คาถาบูชา หรือหลับตาภาวนานึกถึงตัวอักขระตามไป
ถ้าสวดได้ทุกวัน จนครบ 7 วันได้ยิ่งดี ในกรณีทีท่านต้องการจะขอลาภเป็นพิเศษ อาทิ จะต้องติดต่อธุรกิจสำคัญใด ๆ ในวันนั้น ให้สวดคาถาบูชาพระสีวลีก่อน เมื่อเสร็จแล้วต่อด้วย คาถาขอลาภพระสีวลีประจำวัน ตามกำลังวันของวันนั้น ๆ จะเป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ตามจิตปรารถนา ค้าขายดี มีราศี ดังต่อไปนี้
คาถาบูชาพระสิวลี
สีวะลี มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
สิวสีจะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ
สิวะลีเถระคุณังเอตัง โสตถุลาภัง ภะวันตุฯ
คาถาบทนี้ท่านให้ภาวนาก่อนนอนหรือหลังตื่นนอนแล้วก่อนไปทำงานนอกบ้าน
เชื่อว่า จะทำให้เกิดลาภร่ำรวยในการค้าขาย สะดวกในเรื่องธุรกิจติดต่อศัตรูหมู่มารที่มุ่งร้าย
จะกลับกลายเป็นมิตร มีแต่ความสุขสันติเป็นสิริมงคลชีวิตตลอดไป
(สำหรับคาถาบูชาพระสิวลีนั้น มีครูบาอาจารย์ได้แต่งขึ้นมาบูชาท่านหลายสำนัก กล่าวกันว่าทุกสำนักนั้นถูกต้องหมดทั้งสิ้น เพราะเต็มไปด้วยอักขระที่ทรงพลานุภาพทุกตัวอักษร)
------------------
คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี (โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง)
นโม ๓ จบ
สีวลี มหาเถรังฺ วันฺทามิหังฺ ( ๓ จบ )
มหาสีวลีเถโร มหาลาโภ โหติ มหาสีวลีเถโร ลาภังฺ เม เทถะ
------------------
พระคาถาบูชาขอลาภประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน ดังนี้
วันอาทิตย์ (ให้ภาวนา ๖ จบ)
ฉิมพะลี จะ มหานามัง สัพพะลาภัง ภะวิสสะติ เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ
วันจันทร์ (ให้ภาวนา ๑๕ จบ)
ยัง ยัง ปุริโสวา อิตถีวา ทูเรหิวา สะมีเปหิวา เถรัสสานุภาเวนะ สะทา โหนติ ปิยัง มะมะ ฯ
วันอังคาร (ให้ภาวนา ๘ จบ)
ฉิมพะลี จะมหาเถโร โสะโห ปัจจะยาทิมหิ เชยยะลาโภ มหาลาโภ สัพพะลาภา ภะวันตุ สัพพะทา ฯ
วันพุธ (ให้ภาวนา ๑๗ จบ)
ทิตติตถะภะเวราชา ปิยาจะ คะระตุเม เย สารัตติ นิรันตะรัง สัพพะสุขาวะหา ฯ
วันพฤหัสบดี (ให้ภาวนา ๑๙ จบ)
ฉิมพะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ
วันศุกร์ (ให้ภาวนา ๒๑ จบ)
ฉิมพะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะรปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง กะโรนตุ เม ลาเภนะ อุตตะโม โหติ สัพพะลาภะ ภะวันตุ สัพพะทาฯ
วันเสาร์ (ให้ภาวนา ๑๐ จบ)
ฉิมพะลี จะ มหานามัง อินทาพรหมา จะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง ปะสิทธิ เม เถรัสสานุภาเวนะ สะทา สุขี ปิยัง มะมะ ฯ
การสวดพระคาถาสีวลีระจำวัน ถ้าสวดได้ทุกวันจนครบทั้ง ๗ วันก็ยิ่งดี แต่ถ้าท่านจะขอลาภเป็นพิเศษ อาทิ จะติดต่อการธุรกิจสำคัญๆในวันใดวันหนึ่ง ก็สวด คาถาบูชาพระสีวลี นำก่อนหลังจากนั้นจึงสวด คาถาขอลาภพระสีวลีประจำวัน ตามกำลังวันของวันนั้นๆเวลาไปติดต่อธุรกิจหรือกำลังค้าขายอยู่ให้ภาวนาหัวใจไว้ในใจตลอดเวลาว่า นะ ชาลีติ ปะสิทธิลาภา ถ้าจะให้ดีควรเสกน้ำก่อนล้างหน้า หรือสวดก่อนนอนทุกคืน ตามกำลังวัน ให้ตั้งใจอธิฐาน ขอให้เป็นน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ตามจิตปรารถนา จะเป็นเมตตามหานิยม ทางทำราชการ ดีนัก ค้าขายก็ดี ให้อาราธนานำน้ำมนต์ประพรมของจะขายง่าย ทางลาภต่างๆช่วยให้ราศีที่เศร้าหมองผ่องใสได้ นอกจากนั้น ยังปัดเป่าเคราะห์โศกโรคภัย คุ้มครอง ภยันตรายต่างๆป้องกันศัตรูทั้งปวง
ประวัติพระสีวลีเถระ
เอตทัคคะผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีลาภ
พระสีวลีเถระ เป็นพระมหาเถระที่มีประวัติค่อนข้างแปลกไปกว่าพระมหาเถระองค์อื่น ๆ ท่านต้องอยู่ในครรภ์พระมารดาอยู่ถึง ๗ ปี กับอีก ๗ วัน ด้วยอำนาจบุรพกรรมตามมาส่งผล และพระพุทธองค์ทรงยกย่องให้เป็นตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ แม้พระมารดาคือ พระนางสุปฺปวาสา ผู้เป็นราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ ก็ทรงเป็นเอตทัคคะผู้กว่าพระสาวิกาทั้งหลายผู้ถวายสิ่งของอันประณีต การที่พระพุทธองค์ได้ทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะดังกล่าวก็เป็นไปตามความปรารถนาของท่านมาแต่ในอดีต
ความปรารถนาในอดีต
ในกัปที่แสน แต่กัปนี้ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ในครั้งนั้น ท่านได้เกิดเป็นกษัตริย์ในพระนครหงสวดี ได้ยินพระพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งสาวกของพระองค์ชื่อสุทัสสนะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ดังนั้น ทรงปรารถนาในตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้นิมนต์ พระชินสีห์พร้อมทั้งพระสาวก ให้เสวยและฉันถึง ๗ วัน ครั้น ถวายมหาทานแล้วก็ได้ตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภในอนาคตกาล พระปทุมุตตระบรมศาสดา จึงทรงพยากรณ์ว่าความปรารถนาของท่านนี้จะสำเร็จในกัปที่แสนแต่กัปนี้ไป ท่านจะบังเกิดในนาม สีวลี ได้บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่าโคตมะ ซึ่งสมภพในวงศ์ของพระโอกกากราช ดังนี้แล้ว เสด็จหลีกไป
ต่อจากนั้น ท่านก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ท่องเที่ยวไปกำเนิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ครั้นในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้ถือปฏิสนธิในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลพระนครพันธุมดี ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนโปรดปรานของสกุลหนึ่งในพระนคร และเป็นคนที่หมั่นขยันขวนขวายในกิจการงาน
สมัยหนึ่งหลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จเที่ยวจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครพันธุมดี ครั้งนั้น พระเจ้าพันธุมะซึ่งเป็นพุทธบิดา ได้ทรงเตรียมอาคันตุกทาน เพื่อภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงปรารถนาจะทำมหาทานแข่งกับชาวเมือง ในวันใดที่พระราชาเป็นผู้ถวายทาน เหล่ามหาชนก็จะสังเกตดู และในวันรุ่งขึ้นก็จะเตรียมทานให้ยิ่งกว่านั้น และในวันถัดไป พระราชาก็จะถวายให้ยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงวันที่ ๖ ซึ่งเป็นวันของชาวเมือง ชาวเมืองเหล่านั้นทั้งหมดได้จัดเตรียมสิ่งของไว้ทุกสิ่ง โดยตั้งใจจะไม่ให้มีสิ่งใดที่ขาดแม้สักสิ่งเดียว จึงได้ตรวจดูทานที่ตนได้เตรียมไว้ก็ไม่เห็นน้ำผึ้งสด มีเพียงน้ำผึ้งที่เคี่ยวแล้ว ชนเหล่านั้นจึงให้คนถือเอาทรัพย์คนละ ๑ พันกหาปนะแล้วส่งไปเฝ้ายังประตูพระนครทั้ง ๔ เพื่อขอซื้อจากผู้ที่มาจากชนบทนอกพระนคร
ในวันนั้นเอง ท่านเดินทางเข้ายังพระนครด้วยปรารถนาจะเยี่ยมนายบ้าน ในระหว่างทางท่านเห็นรวงผึ้งที่ปราศจากตัวอ่อน ขนาดเท่างอนไถ จึงไล่ตัวผึ้งให้หนีไป แล้วตัดกิ่งไม้ถือรวงผึ้ง ด้วยตั้งใจว่าจะนำไปให้แก่นายบ้าน ฝ่ายผู้ที่ชาวเมืองมอบเงินไปเพื่อหาซื้อน้ำผึ้ง พบท่านถือรวงผึ้งสดเข้ามาจึงขอซื้อในราคาหนึ่งกหาปนะ
ท่านเกิดความคิดว่า ธรรมดารวงผึ้งนี้ย่อมไม่ถึงค่าน้อยกว่าหนึ่งกหาปนะมาก แต่บุรุษนี้ให้ทรัพย์กหาปณะหนึ่ง เห็นจะมีเหตุเบื้องหลังอยู่ จึงตอบปฏิเสธไป บุรุษนั้นจึงขึ้นราคาให้เป็นสองกหาปนะ ท่านก็ยังปฏิเสธอีก บุรุษนั้นก็ขึ้นราคาไปเรื่อย ๆ จนถึงพันกหาปนะ
ท่านได้พิจารณาเห็นเป็นเรื่องผิดปกติมากที่ขอซื้อรวงผึ้งสดด้วยราคาถึงพันกหาปนะ จึงได้สอบถามถึงเหตุผล บุรุษผู้นั้นจึงให้เหตุผลว่า พวกชาวพระนครได้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อถวายพระวิปัสสีสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีสมณะ ๖ ล้าน ๘ แสนเป็นบริวาร ในมหาทานนั้นยัง ไม่มีน้ำผึ้งดิบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงขอซื้อ ในราคาเช่นนั้น
ท่านเห็นเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอันยิ่งใหญ่ จึงขอมีส่วนร่วมในมหาทานนั้น บุรุษนั้นไปบอกเนื้อความแก่ชาวเมือง ชาวเมืองทราบในศรัทธาของเขาจึงอนุโมทนา ท่านจึงได้เอากหาปณะที่ตนเก็บไว้เพื่อเสบียงเดินทางจากบ้านไปซื้อเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ทำให้ป่น นำเอาน้ำส้มมาจากนมส้มแล้ว คั้นรังผึ้งลงในนั้น ปรุงด้วยจุณเครื่องเทศ ๕ อย่างแล้ว ใส่ลงในบัวตระเตรียมสิ่งนั้นเรียบร้อยแล้ว ถือไปนั่งในที่ไม่ไกลพระทศพล เมื่อมหาชนเป็นอันมากนำเอาสักการะไป เขามองดูวาระที่จะถึงแก่ตนในลำดับ รู้ช่องทางแล้วจึงเข้าเฝ้าพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สักการะอันยากไร้นี้เป็นของข้าพระองค์ ขอพระองค์โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ข้าพระองค์ รับสักการะนี้เถิด พระศาสดาทรงอนุเคราะห์เขา ทรงรับสักการะนั้นด้วยบาตรศิลา อันท้าวมหาราชทั้ง ๔ ถวายแล้ว ได้ทรงอธิษฐานให้ไทยธรรมที่ถวายเพียงพอแก่ภิกษุ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า น้ำผึ้งนั้นก็มีเพียงพอแก่พระสาวกทั้งสิ้น
ครั้นแล้วท่านถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้กระทำภัตกิจ เสร็จแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ด้วยผลแห่งกรรมนี้ ขอข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยความเป็นผู้มีลาภ ในภพที่เกิดแล้ว ๆ ดังนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ความปรารถนาของท่านจงสำเร็จอย่างนั้น ดังนี้แล้ว ทรงกระทำภัตตานุโมทนาแก่เขาและชาวเมืองแล้วเสด็จหลีกไป
บุรพกรรมที่นำไปสู่อเวจีและต้องอยู่ในครรภ์พระมารดา ๗ ปี ๗ วัน
เมื่อท่านได้สิ้นอายุในสมัยนั้นแล้ว ท่านก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวอยู่สิ้นกาลนาน ต่อมาในสมัยหนึ่งท่านได้จุติจากเทวโลก บังเกิดเป็นราชโอรสแห่งพระเจ้ากาสี (อรรถกถาบางแห่งว่า พระเจ้าพรหมทัต) ผู้ครองกรุงพาราณสี ต่อมาพระเจ้าโกศลทรงกรีธากองพลใหญ่มายึดกรุงพาราณสี ทรงปลงพระชนม์พระเจ้ากาสีและได้สถาปนาพระอัครมเหสีของพระราชานั้นให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ ฝ่ายพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี ในเวลาที่พระบิดาถูกปลงพระชนม์ ได้ทรงหนีออกทางประตูระบายน้ำ รวบรวมญาติมิตรและพวกพ้องของพระองค์ไว้เป็นอันเดียวกัน รวมกำลังโดยลำดับแล้วเสด็จมายังกรุงพาราณสี ตั้งค่ายใหญ่ไว้ในที่ไม่ไกล ทรงส่งพระราชสาสน์ถึงพระราชาองค์นั้นว่า จะคืนราชสมบัติหรือจะรบ
พระมารดาได้สดับสาสน์ของพระราชกุมารแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับแนะนำไปว่า จงอย่ามีการต่อสู้ จงตัดขาดการสัญจรทั่วทุกทิศ โดยการล้อมกรุงพาราณสีไว้ พวกคนในกรุงก็จะพากันลำบากเพราะหมด ไม้ น้ำและอาหาร และจะจับพระราชามาถวายเอง พระราชกุมารได้สดับสาสน์ของพระมารดาแล้ว จึงล้อมประตูใหญ่ทั้ง ๔ ด้านไว้ ๗ ปี แต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่ทรงดำริ เนื่องจากพวกคนในกรุงพากันออกทางประตูเล็ก นำเอาไม้และน้ำเป็นต้น มาทำกิจทุกอย่าง
ครั้นพระมารดาของพระราชกุมารทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงส่งพระราชสาสน์ลับถึงพระโอรส ตำหนิพระโอรสว่า ลูกเราโง่เขลาไม่รู้อุบาย จงปิดประตูน้อยล้อมกรุงไว้ พระราชกุมารทรงสดับพระราชสาสน์ของพระมารดา จึงได้ทรงกระทำอย่างนั้นถึง ๗ วัน ชาวพระนครเมื่อออกไปข้างนอกไม่ได้ วันที่ ๗ จึงได้เอาพระเศียรของพระราชานั้นไปมอบแต่พระราชกุมาร พระราชกุมารได้เสด็จเข้ากรุงยึดราชสมบัติ
ท่านได้กระทำกรรมนี้แล้ว ในกาลที่สุดแห่งอายุ ไปบังเกิดในอเวจี หมกไหม้อยู่ในนรกตราบเท่ามหาปฐพีนี้หนาขึ้นได้ประมาณโยชน์หนึ่ง
เพราะผลกรรมที่ล้อมพระนครไว้ถึง ๗ ปีในครั้งนั้น บัดนี้พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภี กล่าวคือพระครรภ์ของมารดา ๗ วัน แต่เพราะล้อมกรุงไว้ถึง ๗ วันโดยเด็ดขาด จึงถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง๗ วัน ส่วนในอรรถกถาชาดกท่านกล่าวว่า เพราะผลกรรมที่ล้อมกรุงยึดไว้ถึง ๗ วัน พระองค์จึงอยู่ในโลหิตกุมภีถึง ๗ ปีแล้วถึงความเป็นผู้หลงครรภ์ถึง ๗ วัน ก็พระองค์เป็นผู้เลิศด้วยลาภเพราะอานุภาพที่ถวายมหาทานแล้วตั้งความปรารถนาที่บาทมูลของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ฝ่ายพระนางสุปปวาสา อุ้มครรภ์อยู่ถึง๗ ปี หลงครรภ์อยู่ถึง ๗ วัน เพราะที่ส่งสาสน์ไปว่า พ่อจงล้อมพระนครยึดไว้ พระมารดาและบุตรเหล่านั้น ได้เสวยทุกข์เช่นนี้อันสมควรแก่กรรมของตน ด้วยประการฉะนี้
กำเนิดในพุทธกาล
ครั้นพ้นจากนรกอเวจีแล้ว ก็เที่ยวเกิดไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าของเรานี้ จึงได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของ พระนางสุปปวาสา ราชบุตรีของเจ้าโกลิยะ กษัตริย์พระนครโกลิยะ ซึ่งทรงอภิเษกกับเจ้าศากยวงศ์พระองค์หนึ่ง พระนางนั้นพระบรมศาสดาได้ทรงสถาปนาพระนางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ถวายของมีรสประณีต และได้ทรงปฏิบัติธรรมจนบรรลุโสดาบันปัตติผล
ด้วยกุศลกรรมแห่งการที่ท่านเป็นผู้เลิศด้วยลาภ เพราะอานุภาพที่ถวายมหาทาน แล้วตั้งความปรารถนาในสมัยแห่งองค์พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ขอเป็นผู้เลิศด้วยลาภ และอานิสงส์ที่ถวายน้ำอ้อยและนมส้มมีค่า ๑,๐๐๐ กหาปณะพร้อมชาวเมือง แล้วได้ตั้งความปรารถนาในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี นับแต่วันที่ท่านถือปฏิสนธิ ก็มีคนถือเอาเครื่องบรรณาการมาให้พระนางสุปปวาสา วันละร้อยเล่มเกวียน ทั้งในเวลาเย็นและในเวลาเช้า
ครั้งนั้น คนทั้งหลายด้วยความปรารถนาจะลองบุญนั้น จึงให้นางเอามือจับกระเช้าพืช พืชแต่ละเมล็ด ผลิตผลออกมาเป็นพืชตั้งร้อยกำ พันกำ พืชที่หว่านลงไปในที่นาแต่ละกรีส (หน่วยวัดที่นาในสมัยพุทธกาล) ก็เกิดผลประมาณ ๕๐ เล่มเกวียนบ้าง ๖๐ เล่มเกวียนบ้าง แม้ในเวลาขนข้าวใส่ยุ้ง คนทั้งหลายก็ให้นางเอามือจับประตูยุ้ง ด้วยบุญของราชธิดาเมื่อมีคนมารับของไป ของที่พร่องไปนั้นก็กลับเต็มเหมือนเดิม เมื่อคนทั้งหลายพูดว่า บุญของราชธิดา แล้วให้ของแก่ใคร ๆ จากภาชนภัตรที่เต็มบริบูรณ์ ภัตรย่อมไม่สิ้นไป จนกว่าจะยกของพ้นจากที่ตั้ง
ด้วยผลกรรมของพระนาง ที่ได้ส่งสาส์นลับไปแนะนำพระราชโอรส ร่วมกับวิบากกรรมของพระโอรสในอดีตที่ได้ล้อมกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลาถึง ๗ ปี ทำให้เวลาล่วงไปถึง ๗ ปี ก็ยังไม่มีพระประสูติกาล
ครั้นเมื่อครบกำหนด ๗ ปีแล้ว ด้วยวิบากกรรมร่วมกันของพระนาง กับ พระโอรสที่ได้ปิดล้อมประตูเล็กของกรุงพาราณสีไว้เป็นเวลา ๗ วัน ทำให้ชาวเมืองไม่สามารถออกจากเมืองมาหาอาหารและสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ได้รับความลำบากมาก ทำให้พระนางเสวยทุกข์หนักตลอด ๗ วัน
พระนางปรารภกับพระสวามีปรารถนาจะถวายทานก่อนที่จะตาย จึงส่งพระสวามีไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อไปกราบทูลเรื่องนี้ แล้วนิมนต์พระบรมศาสดา และถ้าพระบรมศาสดาตรัสคำใด ขอให้ตั้งใจจดจำคำนั้นให้ดีแล้วกลับมาบอกพระนาง พระสวามีจึงเดินทางไปแล้วกราบทูลข่าวแด่พระพุทธองค์ พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาจงมี ความสุข จงมีความสบาย ไม่มีโรค จงคลอดบุตรที่หาโรคมิได้เถิด พระสวามีได้ยินดังนั้นจึงถวายบังคมพระศาสดา ทรงมุ่งหน้าเสด็จกลับพระราชนิเวศน์
ในเวลาเมื่อพระบรมสุคตตรัสเสร็จ พระกุมารก็คลอดจากพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสาอย่างสะดวก เหล่าพระญาติและบริวารที่นั่งล้อมอยู่เริ่มหัวเราะ ทั้งที่หน้านองด้วยน้ำตา มหาชนยินดีแล้ว ร่าเริงแล้ว ได้ไปกราบทูลข่าวที่น่ายินดีแด่พระสวามีที่กำลังเดินทางกลับ พระราชาทรงเห็นอาการของชนเหล่านั้นทรงดำริว่า พระดำรัสที่พระทศพลตรัสเห็นจะเป็นผลแล้ว พระองค์จึงกราบทูลข่าวของพระทศพลนั้นแด่พระราชธิดา พระราชธิดาตรัสให้พระสวามีไปนิมนต์พระทศพล ตลอด ๗ วัน พระสวามีทรงกระทำดังนั้นและได้มีการถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน การประสูติของทารก ได้ดับจิตที่เร่าร้อนของพระประยูรญาติทั้งหมด เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติจึงเฉลิมพระนามของกุมารนั้นว่า สีวลีทารก
พระสีวลีบวชเมื่อเกิดได้ ๗ วัน
ตั้งแต่เวลาที่ได้เกิดมาแล้ว ทารกนั้นได้เป็นผู้แข็งแรง อดทนได้ในการงานทั้งปวง เพราะค่าที่อยู่ในครรภ์มานานถึง ๗ ปี ครั้นถึงวันที่ ๗ พระนางสุปปวาสาตกแต่งพระสีวลีกุมารผู้โอรส ถวายบังคมพระศาสดา และพระภิกษุสงฆ์ เมื่อพระกุมารถูกนำเข้าไปสักการะพระสารีบุตรเถระเจ้านั้น พระเถระเจ้าได้กระทำปฏิสันถารกับเธอว่า สีวลี เธอยังจะพอทนได้หรือ ? สีวลีกุมาร ได้ตรัสตอบพระเถระเจ้าว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมจะมีความสุขที่ไหนได้เล่า กระผมนั้นต้องอยู่ในโลหกุมภีถึง ๗ ปี
พระเถระได้กล่าวกะสีวลีทารกนั้นอย่างนี้ว่า ก็ถ้าเธอได้รับความทุกข์ถึงขนาดนั้นแล้ว บวชเสียไม่สมควรหรือ สีวลีตอบว่าถ้าบวชได้ก็จะบวช พระนางสุปปวาสาเห็นทารกนั้นพูดอยู่กับพระเถระ ก็คิดว่าบุตรของเราพูดอะไรหนอกับพระธรรมเสนาบดี จึงเข้าไปหาพระเถระถามว่า บุตรของดิฉันพูดอะไรกับพระคุณเจ้า เจ้าคะ พระเถระกล่าวว่า บุตรของท่านพูดถึงความทุกข์ที่อยู่ในครรภ์ที่ตนได้รับ แล้วกล่าวว่า ถ้าท่านอนุญาต ก็จะบวช
พระนางสุปปาวาสาตรัสว่า ดีละเจ้าข้า โปรดให้เขาบรรพชาเถิด พระเถระนำทารกนั้นไปวิหาร ให้ ตจปัญจกกัมมัฎฐาน (กรรมฐาน 5 กอง คือ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ) และได้กล่าวว่า สีวลี เราไม่จำต้องให้โอวาทดอก เธอจงพิจารณาทุกข์ ที่เธอเสวยมาถึง ๗ ปีนั่นแหละ ในขณะที่โกนผมปอยแรก พระสีวลีก็บรรลุโสดาปัตติผล และในขณะโกนปอยที่ที่ ๒ ก็บรรลุสกทาคามิผล และในขณะโกนผมปอยที่ ๓ ก็บรรลุอนาคามิผล และก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมกันกับที่โกนผมหมด
ส่วนอาจารย์บางพวก กล่าวถึงการบรรลุพระอรหัตของพระเถระนี้ไว้ดังนี้ว่า เมื่อพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ให้โอวาทโดยนัยดังกล่าวแล้วข้างต้น เมื่อสีวลีกุมารกล่าวว่า กระผมจักรู้กิจกรรมที่กระผมสามารถจักกระทำได้ (ด้วยตนเอง) ดังนี้ แล้วจึงบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน เห็นกุฏิหลังหนึ่งว่าง (สงบสงัด) จึงเข้าไปสู่กุฏินั้นในวันนั้นแหละ ระลึกถึงทุกข์ที่ตนเสวยแล้วในท้องมารดาตลอด ๗ ปี แล้วพิจารณาทุกข์นั้น ในอดีตและอนาคต โดยทำนองนั้นแหละอยู่ ภพทั้ง ๓ ก็ปรากฏว่า เป็นเสมือนไฟติดทั่วแล้ว สีวลีสามเณรหยั่งลงสู่วิปัสสนาวิถี เพราะญาณถึงความแก่รอบ ทำอาสวะแม้ทั้งปวงให้สิ้นไป ตามลำดับมรรค บรรลุพระอรหัตแล้ว ในขณะนั้นเอง ส่วนพระเถระก็เป็นผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทา ได้อภิญญา ๖
พระสีวลีทดลองบุญ
ในเวลาต่อมา พระบรมศาสดาได้เสด็จไปยังพระนาครสาวัตถี พระสีวลีเถระถวายอภิวาทพระบรมศาสดาแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักทดลองบุญของข้าพระองค์ ขอพระองค์จงมอบภิกษุ ๕๐๐ รูปแก่ข้าพระองค์ พระศาสดาตรัสสั่งว่า จงรับไปเถิด สีวลี ท่านพาภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางบ่ายหน้าไปสู่หิมวันตประเทศ เดินทางผ่านดง เทวดาที่สิงอยู่ที่ต้นไทร ที่ท่านเห็นเป็นครั้งแรก ได้ถวายทานตลอด ๗ วัน เทวดาทั้งหลายได้ถวายทานทุก ๆ ๗ วัน ในสถานที่ทั่ว ๆ ไป ที่ท่านเห็นต่างกรรม ต่างวาระ กันดังนี้ คือ
ท่านเห็นต้นไทรเป็นครั้งแรก เห็นภูเขาชื่อว่าปัณฑวะเป็นครั้งที่ ๒ เห็นแม่น้ำอจิรวดี เป็นครั้งที่ ๓ เห็นแม่น้ำวรสาครเป็นครั้งที่ ๔ เห็นภูเขาหิมวันต์เป็นครั้งที่ ๕ ถึงป่าฉัททันต์ เป็นครั้งที่ ๖ ถึงภูเขาคันธมาทน์เป็นครั้งที่ ๗ และพบพระเรวตะ เป็นครั้งที่ ๘
ประชาชนทั้งหลาย ได้ถวายทานในที่ทุกแห่งตลอด ๗ วันเท่านั้น ก็ในบรรดา ๗ วัน นาคทัตตเทวราช ที่ภูเขาคันธมาทน์ ได้ถวายบิณฑบาตชนิดน้ำนม (ขีรบิณฑบาต) สลับวันกับ ถวายบิณฑบาตชนิดเนยใส (สัปปิบิณฑบาต) วันเว้นวัน ลำดับนั้นภิกษุสงฆ์จึงถามท่านเทวราช ว่า ของที่ท่านนำมาถวายนั้นเกิดขึ้นได้อย่าไร ในเมื่อ แม่โคนมที่เขารีดนมถวายแด่เทวราชนี้ก็มิได้ปรากฏ การบีบทำน้ำนมส้มก็มิได้ปรากฏ เนาคทัตตเทวราชตอบว่า นี้เป็นอานิสงส์แห่งการถวายสลากภัตรน้ำนมในกาลแห่งพระกัสสปทศพล
ในกาลต่อมา พระศาสดาทรง เอาเหตุแห่งการที่พระขทิรวนิยเถระจัดการต้อนรับ ให้เป็นอัตถุปบัติ (เหตุเกิดแห่งเรื่อง) ในการที่ทรงแต่งตั้งพระสีวลีเถระไว้ในตำแหน่งแห่งภิกษุผู้เลิศ ในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์ ในเรื่องนี้ มีเหตุเกิดขึ้นอย่างนี้
เหตุเกิดแห่งเรื่องที่ทรงแต่งตั้งพระสีวลีเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะในบรรดาภิกษุผู้เลิศด้วยลาภ และเลิศด้วยยศทั้งหลาย ในศาสนาของพระองค์
ในสมัยหนึ่ง พระขทิรวนิยเรวตเถระ ซึ่งเป็นน้องชายของพระสารีบุตร ได้หนีการแต่งงานที่บิดามารดาจัดการให้ มาขอบวชในสำนักพระภิกษุ ซึ่งมีภิกษุอยู่ประมาณ ๓๐ รูป เหล่าพระภิกษุสอบถามดู ทราบว่าเป็นน้องชายของพระสารีบุตร ที่ท่านได้เคยแจ้งไว้ก่อนว่าถ้าน้องชายมาขอบวชก็อนุญาตให้บวชได้ จึงได้ทำการบวชให้แล้วส่งข่าวมายังท่านพระสารีบุตร
ครั้งนั้น เมื่อพระสารีบุตรทราบข่าวดังนั้น จึงกราบทูลพระศาสดาเพื่อขอไปเยี่ยม พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบว่าพระเรวตะเริ่มทำความเพียรเจริญวิปัสสนา จึงทรงห้ามพระสารีบุตรถึง ๒ ครั้ง ในครั้งที่ ๓ เมื่อพระสารีบุตรทูลอ้อนวอนอีก ทรงทราบว่า พระเรวตะบรรลุพระอรหัตแล้วจึงทรงอนุญาตและตรัสว่าจะทรงไปด้วยพร้อมเหล่าพระสาวกอื่น
ดังนั้น พระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เป็นบริวาร ก็ได้เสด็จออกไปด้วยพระประสงค์ว่าจะไปเยี่ยมพระเรวตะ ครั้นเดินทางมาถึง ณ ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนทาง ๒ แพร่ง
พระอานนเถระกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญตรงนี้มีหนทาง ๒แพร่ง ภิกษุสงฆ์จะไปทางไหน พระเจ้าข้า
พระศาสดาตรัสถามว่า อานนท์หนทางไหน เป็นหนทางตรง
พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญหนทางตรงมีระยะประมาณ ๓๐ โยชน์ แต่เป็นหนทางที่มีอมนุษย์ ส่วนหนทางอ้อมมีระยะทาง ๖๐ โยชน์ เป็นหนทางสะดวกปลอดภัย มีภิกษาดีหาง่าย
พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ สีวลีได้มาพร้อมกับพวกเรามิใช่หรือ
พระอานนท์กราบทูลว่า ใช่ พระสีวลีมาแล้วพระเจ้าข้า
พระศาสดาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นพระสงฆ์จงไปตามเส้นทางตรงนั้นแหละ เราจักได้ทดลองบุญของพระสีวลี
พระศาสดามีพระภิกษุสงฆ์เป็นบริวาร เสด็จขึ้นสู่เส้นทาง ๓๐ โยชน์ เพื่อจะทรงทดลองบุญของพระสีวลีเถระ
จำเดิมแต่ที่ได้เสด็จไปตามหนทาง หมู่เทวดาได้เนรมิตพระนครในที่ทุกๆ โยชน์ ช่วยกันจัดแจงพระวิหารเพื่อเป็นที่ประทับและที่อยู่แด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
พวกเทวบุตร ได้ถือเอาข้าวยาคูและของเคี้ยวเป็นต้น ไปเที่ยวถามอยู่ว่า พระผู้เป็นเจ้าสีวลีไปไหน ดังนี้แล้ว จึงไปหาพระเถระ พระเถระจึงให้นำเอาสักการะและสัมมมานะเหล่านั้นไปถวายพระศาสดา พระศาสดาพร้อมทั้งบริวารเสวยบุญของพระสีวลีเถระผู้เดียว ได้เสด็จไปตลอดทางกันดารประมาณ ๓๐ โยชน์
ฝ่ายพระเรวตเถระทราบการเสด็จมาของพระศาสดา จึงนิรมิต พระคันธกุฎีเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า นิรมิตเรือนยอด ๕๐๐ ที่จงกรม ๕๐๐ และที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน ๕๐๐ พระศาสดาประทับอยู่ใน สำนักของเรวตะเถระนั้นสิ้นกาลประมาณเดือนหนึ่งแล แม้ประทับอยู่ ในที่นั้น ก็เสวยบุญของพระสีวลีเถระนั่นเอง แม้พระศาสดาทรงพาภิกษุสงฆ์ไป เสวยบุญของพระสีวลีเถระ ตลอดการประมาณเดือนหนึ่งนั่นแลอีก เสด็จเข้าไปสู่บุพพาราม ลำดับ
ในกาลต่อมา พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่พระอริยเจ้าแล้ว ทรงสถาปนาพระเถระนั้นไว้ในตำแหน่งอันเลิศว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสีวลีเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเราผู้มีลาภ
เกิดร่วมสมัยกับพระโพธิสัตว์
ท่านได้เกิดร่วมชาติกับพระโพธิสัตว์ ดังที่ปรากฏในชาดก คือ
เกิดเป็นราชกุมารผู้ล้อมพระนครแล้วสืบราชสมบัติ พระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าพาราณสีผู้เป็นพระราชบิดา ใน อสาตรูปชาดก